ประโยชน์ของการเดินมีอะไรบ้าง?งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดชี้ว่า ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนัก ยังช่วยลดความอยากของหวานได้อีกด้วย

ประโยชน์ของการเดินมีอะไรบ้าง?งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดชี้ว่า ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนัก ยังช่วยลดความอยากของหวานได้อีกด้วย

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. เดินคือยาวิเศษใกล้ตัว
  3. ประโยชน์ของการเดิน
  4. เดินวันละกี่ก้าวถึงจะได้ผล?
  5. เทคนิคเพิ่มจำนวนก้าวในชีวิตประจำวัน
  6. Q&A

บทนำ

การเดินไม่เพียงเป็นวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม KUBETแต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมากอีกด้วย “การเดินเล่น” ถือเป็นกิจกรรมทางกายที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเพื่อรักษาข้อต่อให้แข็งแรง หรือแม้แต่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง KUBET บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจคุณประโยชน์ต่างๆ ของการเดิน ที่อาจทำให้คุณประหลาดใจ!

ประเภทประโยชน์ที่ได้รับคำอธิบาย
สุขภาพหัวใจลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดการเดินเป็นประจำช่วยลดระดับความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล
ข้อต่อและกระดูกช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เพราะไม่กระทบแรงมากเกินไปต่อข้อ
ควบคุมน้ำหนักช่วยเผาผลาญพลังงานเดินเร็ว 30 นาทีต่อวันสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้
สุขภาพจิตลดความเครียดและอาการซึมเศร้าการเดินกลางแจ้งช่วยให้ผ่อนคลายและกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟิน
ระบบย่อยอาหารกระตุ้นการทำงานของลำไส้การเดินหลังมื้ออาหารช่วยป้องกันอาการท้องอืดและท้องผูก
ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมจากงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่เดินเป็นประจำมีความเสี่ยงลดลง
เพิ่มอายุขัยยืดอายุขัยโดยรวมคนที่เดินอย่างสม่ำเสมอมีแนวโน้มมีสุขภาพดีกว่าในระยะยาว

เดินคือยาวิเศษใกล้ตัว

ดร. Thomas Frieden อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่า ถ้าคุณได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ที่เขียนว่า “เดินวันละนิด” อย่าเพิ่งตกใจ KUBET เพราะการเดินคือกิจกรรมที่เริ่มทำตั้งแต่เด็ก และตอนนี้ถือเป็น “ยาวิเศษ” ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด

ประโยชน์ของการเดิน

1. ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสมาคมโรคมะเร็งของสหรัฐฯ พบว่า KUBET ผู้หญิงที่เดินอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่เดินไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ถึง 14% แม้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคอยู่แล้วก็ยังได้ผลป้องกันเช่นกัน

2. ลดผลกระทบจากพันธุกรรมที่ส่งเสริมโรคอ้วน

นักวิจัยจากฮาร์วาร์ดศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนในคนกว่า 12,000 คน และพบว่า KUBET การเดินเร็ววันละ 1 ชั่วโมงสามารถลดผลกระทบจากพันธุกรรมเหล่านี้ได้ถึง ครึ่งหนึ่ง

3. ช่วยลดความอยากของหวาน

การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Exeter ประเทศอังกฤษ ระบุว่า การเดินเพียง 15 นาที สามารถลดความอยากกินช็อกโกแลตได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความเครียด KUBET การเดินยังช่วยลดการบริโภคขนมหวานและของที่มีน้ำตาลสูงได้อย่างเห็นได้ชัด

4. บรรเทาอาการปวดข้อ

หลายงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเดินช่วยลดอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ และการเดินระยะทาง 5-6 ไมล์ (ประมาณ 8-10 กิโลเมตร) ต่อสัปดาห์ ยังช่วย ป้องกัน การเกิดโรคข้อเสื่อม KUBET โดยกลไกคือการหล่อลื่นข้อต่อและเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและสะโพก

5. เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

ในช่วงฤดูที่มีไข้หวัดระบาด การเดินสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ดี KUBET งานวิจัยหนึ่งที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างกว่า 1,000 คนพบว่า ผู้ที่เดินวันละอย่างน้อย 20 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน มีโอกาสป่วยน้อยกว่าผู้ที่ออกกำลังกายน้อยกว่าหรือไม่ออกเลยถึง 43% และแม้จะป่วยก็จะมีอาการน้อยและหายเร็วกว่าด้วย

เดินวันละกี่ก้าวถึงจะได้ผล?

Melissa Darlow นักกำหนดอาหารและเทรนเนอร์ในนิวยอร์ก KUBET แนะนำว่าเป้าหมายที่เหมาะสมอยู่ที่ 7,000 – 10,000 ก้าวต่อวัน โดย 1 ไมล์ (ประมาณ 1.6 กม.) เท่ากับประมาณ 2,100 – 2,400 ก้าว ดังนั้นหากคุณเริ่มต้นจาก 2,000 ก้าวต่อวัน ให้ค่อยๆ ขยับเป้าหมายขึ้นก็เพียงพอแล้ว

เทคนิคเพิ่มจำนวนก้าวในชีวิตประจำวัน

สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ หรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อย KUBET ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อเพิ่มจำนวนก้าวในแต่ละวัน:

  • ลงจากรถสาธารณะก่อนถึงจุดหมาย 1 ป้ายแล้วเดินต่อ
  • ขณะโทรศัพท์ ลองเดินไปรอบๆ (ที่โต๊ะทำงาน ลานจอดรถ หรือระหว่างพักเบรก)
  • ใช้บันไดแทนลิฟต์
  • ซื้อเครื่องเดินแบบพับเก็บได้ไว้ใช้ที่บ้าน
  • ฟังพอดแคสต์หรือเพลงโปรดขณะเดิน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ

Q&A

1. การเดินช่วยลดความเสี่ยงโรคอะไรได้บ้าง?
การเดินอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้ถึง 14% และยังช่วยลดผลกระทบจากพันธุกรรมที่ส่งเสริมโรคอ้วนได้ด้วย

2. ทำไมการเดินถึงช่วยลดความอยากของหวานได้?
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Exeter พบว่าการเดินเพียง 15 นาทีสามารถลดความอยากกินช็อกโกแลตและขนมหวาน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดความเครียดได้อย่างชัดเจน

3. การเดินมีผลดีอย่างไรต่อข้อต่อและโรคข้ออักเสบ?
การเดินช่วยลดอาการปวดข้อจากโรคข้ออักเสบและป้องกันโรคข้อเสื่อมโดยการหล่อลื่นข้อต่อและเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและสะโพก

4. การเดินมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร?
การเดินวันละ 20 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสป่วย และทำให้อาการป่วยหายเร็วขึ้น

5. ควรเดินวันละกี่ก้าวจึงจะได้ผลดี และมีวิธีเพิ่มจำนวนก้าวในชีวิตประจำวันอย่างไร?
แนะนำให้เดินวันละ 7,000 – 10,000 ก้าว โดยเริ่มจาก 2,000 ก้าวแล้วค่อยเพิ่มขึ้น เทคนิคเพิ่มจำนวนก้าว เช่น ลงรถก่อนถึงจุดหมาย 1 ป้าย เดินไปรอบๆ ขณะโทรศัพท์ ใช้บันไดแทนลิฟต์ และฟังเพลงขณะเดินเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ



เนื้อหาที่น่าสนใจ: