ระวังอาหารบางชนิด! กินมากเกินไปอาจทำให้ผิวหมองคล้ำและเหลือง

ระวังอาหารบางชนิด! กินมากเกินไปอาจทำให้ผิวหมองคล้ำและเหลือง

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. อาหารก่อความไวต่อแสงคืออะไร?
  3. อาหารก่อความไวต่อแสง – ผลไม้
  4. อาหารก่อความไวต่อแสง – ผัก
  5. อาหารก่อความไวต่อแสง – สมุนไพรและเครื่องเทศ
  6. วิธีป้องกันผิวหมองคล้ำจากอาหารก่อความไวต่อแสง
  7. สรุป
  8. Q&A

บทนำ

คุณพยายามทาครีมกันแดดหรือเซรั่มบำรุงผิวก็แล้ว KUBET แต่ผิวยังหมองคล้ำหรือดูคล้ำง่ายอยู่หรือไม่? บางทีสาเหตุอาจมาจาก อาหารที่ทำให้ผิวไวต่อแสง หรือ “อาหารก่อความไวต่อแสง” (Photosensitive Foods) นอกจาก ป้องกันแสงแดด และ ใช้สกินแคร์ การเลือกกินอาหารก็สำคัญไม่แพ้กันKUBET

หัวข้อรายละเอียด
ประเด็นสำคัญการดูแลผิวไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ครีมกันแดดหรือเซรั่ม แต่รวมถึงอาหารที่เรากินด้วย
ปัญหาผิวผิวหมองคล้ำหรือไวต่อแสงง่าย
สาเหตุที่เป็นไปได้การรับประทานอาหารบางชนิดที่ทำให้ผิวไวต่อแสง (“อาหารก่อความไวต่อแสง”)
วิธีป้องกัน/ดูแล– ป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดดและสกินแคร์ – เลือกกินอาหารที่ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง
ข้อสรุปการเลือกอาหารมีความสำคัญเท่ากับการบำรุงผิวภายนอก เพื่อป้องกันผิวหมองคล้ำและไวต่อแสง

อาหารก่อความไวต่อแสงคืออะไร?

อาหารก่อความไวต่อแสงเป็นอาหารที่ทำให้ผิวไวต่อแสงและรังสียูวีมากขึ้น KUBETหลังรับประทานแล้วหากไปโดนแสงแดด อาจทำให้ เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น KUBETทำให้ผิวคล้ำหรือเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ อย่างไรก็ตาม นักโภชนาการ ซา จื่อเหวิน ชี้ว่า: การกินอาหารก่อความไวต่อแสงในปริมาณปกติ ไม่เพียงพอให้ผิวไวต่อแสงจนเกิดปัญหา ต้องเกิดพร้อมกัน 3 ปัจจัย: 1) ร่างกายไวต่อแสง 2) กินอาหารก่อความไวต่อแสงมากเกินไป 3) KUBET อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ดังนั้นคนอยากผิวขาวไม่ต้องกังวลมาก KUBET แต่ควร ควบคุมปริมาณและเวลา ของอาหารเหล่านี้

อาหารก่อความไวต่อแสง – ผลไม้

1. เลมอน – มีสาร Limonene และ Coumarin ทำให้ไวต่อแสง
2. มะเดื่อฝรั่ง (Fig) – ผิวไวต่อรังสียูวี ต้องหลีกเลี่ยงแดดหลังทาน
3. มะละกอ – มี Papain และสีธรรมชาติสูง กินมากเกินไปอาจทำให้ผิวเหลือง KUBET

อาหารก่อความไวต่อแสง – ผัก

4. ขึ้นฉ่าย – อุดมด้วยวิตามินหลายชนิด ควรกินตอนเย็นและไม่มากเกินไป KUBET
5. กุยช่าย – ทำให้เม็ดสีทำงานมากขึ้น หากโดนแดดนาน
6. สาหร่ายทะเลสีม่วง – ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดนานหลังทาน
7. แครอท – กินมากอาจทำให้ผิวเหลืองส้ม

อาหารก่อความไวต่อแสง – สมุนไพรและเครื่องเทศ

8. ใบโหระพาไทย – มีสาร Bergapten หากกินมากและโดนแดดนานอาจทำให้ผิวคล้ำ
9. ผักชี – มีสาร Furanocoumarin ปริมาณปกติไม่ก่อปัญหา

วิธีป้องกันผิวหมองคล้ำจากอาหารก่อความไวต่อแสง

– ควบคุมปริมาณ
– หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทานทันที โดยเฉพาะ 10.00–16.00 น.
– ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ากันแดด
– สังเกตผิว หากพบแดง ผื่น จุดด่างดำ KUBET ลดปริมาณอาหารเหล่านี้

สรุป

อาหารก่อความไวต่อแสง เช่น เลมอน, มะละกอ, ขึ้นฉ่าย, แครอท หรือผักสมุนไพรบางชนิด ไม่จำเป็นต้องเลิกกิน เพียงควบคุมปริมาณและเวลาในการทาน ร่วมกับการป้องกันแดดและสกินแคร์ ก็สามารถมีผิวสวย KUBET สุขภาพดีได้

Q&A

คำถาม 1: อาหารก่อความไวต่อแสงคืออะไร และส่งผลต่อผิวอย่างไร?
คำตอบ: คืออาหารที่ทำให้ผิวไวต่อรังสียูวีมากขึ้น เมื่อโดนแดดจะทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานมากขึ้น ผิวคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ

คำถาม 2: ต้องเกิดปัจจัยใดบ้างจึงทำให้ผิวไวต่อแสงจากอาหาร?
คำตอบ: 1) ร่างกายไวต่อแสง 2) กินอาหารก่อความไวต่อแสงมากเกินไป 3) อยู่กลางแดดเป็นเวลานาน

คำถาม 3: ตัวอย่างผลไม้ที่เป็นอาหารก่อความไวต่อแสงและข้อควรระวังคืออะไร?
คำตอบ: เช่น เลมอน มะเดื่อฝรั่ง มะละกอ เลมอนห้ามทาผิวแล้วโดนแดด มะละกอกินมากเกินไปอาจทำให้ผิวเหลือง

คำถาม 4: ตัวอย่างผักและสมุนไพรที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและควรระวังอย่างไร?
คำตอบ: เช่น ขึ้นฉ่าย กุยช่าย แครอท ใบโหระพาไทย และผักชี กินมากเกินไปหรือโดนแดดนานอาจทำให้ผิวคล้ำหรือเหลือง ควรกินพอเหมาะและหลีกเลี่ยงแดด

คำถาม 5: วิธีป้องกันผิวหมองคล้ำจากอาหารก่อความไวต่อแสงมีอะไรบ้าง?
คำตอบ: 1) ควบคุมปริมาณ 2) หลีกเลี่ยงแดดหลังทาน 3) ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้ากันแดด 4) สังเกตผิวหากพบอาการผิดปกติควรลดการทาน




เนื้อหาที่น่าสนใจ: