น้ำหนักขึ้นช่วงมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ! แพทย์เผย 4 สาเหตุ พร้อมวิธีดูแลตัวเอง

น้ำหนักขึ้นช่วงมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ! แพทย์เผย 4 สาเหตุ พร้อมวิธีดูแลตัวเอง

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ทำไมน้ำหนักขึ้นช่วงมีประจำเดือน? แพทย์ชี้ 4 สาเหตุหลัก
  3. วิธีรับมือกับอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) และควบคุมน้ำหนัก
  4. สรุป: น้ำหนักขึ้นช่วงประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ
  5. Q&A

บทนำ

หลายคนอาจสังเกตว่าทุกครั้งที่มีประจำเดือน KUBET น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ และเมื่อหมดรอบเดือน น้ำหนักก็จะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม แถมความอยากอาหาร โดยเฉพาะของหวาน ก็มักจะเพิ่มขึ้นทั้งก่อนและหลังประจำเดือน นพ. An Xinyu ได้ให้ข้อมูลผ่านทาง Facebook อธิบายว่านี่เป็นภาวะปกติของร่างกายผู้หญิง และสามารถควบคุมได้ KUBET หากเข้าใจที่มาของอาการเหล่านี้

ช่วงของรอบเดือนลักษณะการเปลี่ยนแปลงสาเหตุคำแนะนำในการดูแลตัวเอง
ก่อนมีประจำเดือน (PMS)น้ำหนักขึ้น 0.5–2 กก., อยากของหวาน, บวมน้ำฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ทำให้กักเก็บน้ำและกระตุ้นความอยากอาหารดื่มน้ำมาก ๆ, ลดของเค็ม, เลือกของหวานที่ดี เช่น ดาร์กช็อกโกแลตหรือผลไม้
ระหว่างมีประจำเดือนยังคงบวมน้ำ อ่อนเพลีย ความอยากอาหารยังคงอยู่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ระบบย่อยทำงานช้าลงพักผ่อนให้เพียงพอ, รับประทานอาหารอุ่น, งดอาหารมันและเย็นจัด
หลังหมดประจำเดือนน้ำหนักค่อย ๆ ลดลง กลับสู่ภาวะปกติระดับฮอร์โมนสมดุลขึ้น ร่างกายขับของเสียออกได้ดีขึ้นเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ กระตุ้นการเผาผลาญ และดื่มน้ำให้มากขึ้น

ทำไมน้ำหนักขึ้นช่วงมีประจำเดือน? แพทย์ชี้ 4 สาเหตุหลัก

1. ท้องอืดและท้องผูก

🌀 ก่อนมีประจำเดือนจะท้องผูก แต่เมื่อเริ่มรอบเดือนจะถ่ายบ่อยขึ้น
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกและท้องอืดก่อนมีประจำเดือน แต่เมื่อประจำเดือนเริ่มมา ร่างกายจะหลั่ง “โพรสตาแกลนดิน”  KUBETซึ่งทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น อาจทำให้เกิดการปวดท้องและถ่ายบ่อยขึ้น

2. เซโรโทนินลดลง

🌀 ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลต่อเซโรโทนิน
เซโรโทนินคือสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์และความอยากอาหาร KUBET เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เซโรโทนินก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ร่างกายโหยหาคาร์โบไฮเดรตเพื่อกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน จึงเกิดความอยากของหวานหรือแป้งมากกว่าปกติ

3. แมกนีเซียมต่ำ

🌀 ขาดแมกนีเซียมส่งผลต่อความอยากอาหารและน้ำในร่างกาย
แมกนีเซียมมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและกล้ามเนื้อในร่างกาย KUBET หากแมกนีเซียมในร่างกายต่ำ อาจส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ อารมณ์แปรปรวน และเกิดภาวะบวมน้ำ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับอาการ PMS โดยตรง

4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

🌀 ฮอร์โมนเปลี่ยน ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและเกลือมากขึ้น
ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีผลต่อการดูดซึมโซเดียมและน้ำของไต KUBET ส่งผลให้เกิดภาวะบวมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รู้สึกตัวบวมและน้ำหนักขึ้นชั่วคราวในช่วงมีประจำเดือน

วิธีรับมือกับอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) และควบคุมน้ำหนัก

1. ออกกำลังกายและผ่อนคลายสม่ำเสมอ

🌿 แนะนำโยคะ ลมหายใจลึก หรือการทำสมาธิ
งานวิจัยยืนยันว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้ดี โดยเฉพาะกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย KUBET

2. เสริมวิตามินและแร่ธาตุอย่างเหมาะสม

🌿 พิจารณาเสริมวิตามิน D, B, E, แคลเซียม และแมกนีเซียม
ถึงแม้ผลการศึกษาจะยังไม่สรุปแน่ชัด แต่การเสริมวิตามินเหล่านี้อาจช่วยลดอาการได้บ้าง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน B6 ในปริมาณสูง KUBET เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเส้นประสาทเสื่อมและนิ่วในไต

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

🌿 การบวมน้ำไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำมากเกินไป แต่เกิดจากเกลือสะสมในร่างกาย
หากดื่มน้ำไม่พอ ร่างกายจะยิ่งกักเก็บน้ำไว้มากขึ้น เพื่อรักษาสมดุล ควรดื่มน้ำประมาณ 30 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และตรวจสอบสีปัสสาวะให้ใสหรือเหลืองอ่อนKUBET  แสดงว่าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ

สรุป: น้ำหนักขึ้นช่วงประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ

หากคุณสังเกตว่าน้ำหนักขึ้น 1–2 กิโลกรัมในช่วงมีประจำเดือน อย่าตกใจ นี่เป็นกลไกธรรมชาติของร่างกาย การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ KUBET ดื่มน้ำมากๆ และลดความเครียด จะช่วยให้อาการเหล่านี้เบาลงได้อย่างแน่นอน

Q&A

คำถามที่ 1:
Q: ทำไมน้ำหนักจึงมักเพิ่มขึ้นในช่วงมีประจำเดือน?
A: เพราะเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ท้องอืด ท้องผูก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระดับเซโรโทนินลดลง แมกนีเซียมต่ำ และร่างกายกักเก็บน้ำและเกลือมากขึ้นในช่วงรอบเดือน ซึ่งล้วนเป็นกลไกปกติของร่างกาย


คำถามที่ 2:
Q: ทำไมเราจึงรู้สึกอยากของหวานหรืออาหารแป้งๆ ในช่วงมีประจำเดือน?
A: เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้เซโรโทนินในร่างกายลดลงตาม ทำให้เกิดความอยากคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล เพื่อกระตุ้นให้เซโรโทนินกลับมาในระดับที่สมดุล


คำถามที่ 3:
Q: ฮอร์โมนมีผลต่อการกักเก็บน้ำในร่างกายอย่างไร?
A: ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีผลต่อการดูดซึมโซเดียมและน้ำของไต ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น เกิดอาการบวมน้ำและน้ำหนักขึ้นชั่วคราว


คำถามที่ 4:
Q: วิธีใดบ้างที่ช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) และควบคุมน้ำหนัก?
A: สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น โยคะหรือการทำสมาธิ เสริมวิตามิน D, B, E แคลเซียม และแมกนีเซียมอย่างเหมาะสม และดื่มน้ำให้เพียงพอ


คำถามที่ 5:
Q: การดื่มน้ำน้อยส่งผลอย่างไรต่อภาวะบวมน้ำ?
A: ถ้าดื่มน้ำน้อยเกินไป ร่างกายจะยิ่งกักเก็บน้ำไว้มากขึ้นเพื่อรักษาสมดุล จึงควรดื่มน้ำประมาณ 30 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และสังเกตสีปัสสาวะให้ใสหรือเหลืองอ่อนเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับน้ำเพียงพอ



เนื้อหาที่น่าสนใจ: